George Carlin

จอร์จ คาร์ลิน (1937-2008)

เป็นนักแสดงตลกทอล์คโชว์ชาวสหรัฐฯ และได้รับรางวัลแกรมมี ห้าครั้ง

ข้อเขียนของเขา

—————————-

ความประหลาดพิสดาร ในยุคสมัยของเรานี้ ก็คือ

เรามีอาคารที่สูงตระหง่านขึ้น แต่กลับมีความอดกลั้นที่สั้นลง มีทางด่วนที่กว้างขึ้น แต่กลับมีมุมมองที่แคบลง

เราจับจ่ายใช้เงินมากขึ้น แต่กลับมีสิ่งของน้อยลง เราซื้อหามากขึ้น แต่กลับสุขสมกับสิ่งที่ได้มาน้อยลง

เรามีบ้านหลังใหญ่ขึ้น และขนาดครอบครัวที่เล็กลง มีความสะดวกเพิ่มขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง

เรามีวุฒิปริญญาเพิ่มขึ้น แต่กลับมีสามัญสำนึกต่ำลง มีความรู้มากขึ้น แต่กลับมีความสามารถตัดสินใจลดลง

มีผู้เชี่ยวชาญหลากหลาย กลับมีปัญหาเพิ่มพูน มียาเพิ่มขึ้น แต่กลับมีสุขภาพที่ย่ำแย่ลง

เราดื่มมากเกินไป สูบมากเกินไป ใช้จ่ายอย่างไม่คิด แต่หัวเราะกันเพียงน้อยนิด

เราขับรถเร็วเกินไป โกรธกริ้วมากและเร็วเกินไป นอนดึกขึ้น แต่ตื่นมาแสนโทรม

อ่านเพียงน้อยนิด ดูทีวียืดยาว และ แทบไม่เคยสวดมนต์

เราเพิ่มการถือครองสมบัติมากขึ้น แต่กลับลดคุณค่าของตัวเองลง

เราพูดคุยมาก แทบไม่เคยรักใคร และโกรธเกลียดบ่อยเกินไป

เราเรียนรู้ที่จะมีชีวิต แต่ไม่ใช่การใช้ชีวิต

เราเพียงเพิ่มจำนวนปีเข้าไปในชีวิต หาได้เพิ่มคุณค่าของชีวิตในแต่ละปีที่เราอยู่

เราสามารถเดินทางไปและกลับดวงจันทร์

แต่เรากลับพบความยากลำบาก แค่เพียงข้ามถนนไปพบกับเพื่อนบ้านใหม่

เราสามารถพิชิตอวกาศนอกโลก แต่ล้มเหลวในการค้นหาภายในตัวเรา

เราได้ทำสิ่งใหญ่โตเพิ่มขึ้น แต่หาใช่สิ่งที่ดีขึ้น

เราได้ทำให้อากาศสะอาด แต่กลับทำให้จิตวิญญาณตนเองแปดเปื้อน

เราสามารถแตกอะตอมออกจากกัน แต่หาได้ลดสลายอคติของเราไม่

เราเรียนรู้ที่จะเร่ง แต่ไม่รู้ที่จะรอ

เราวางแผนเพิ่มมากขึ้น แต่สามารถบรรลุได้น้อยลง

เราเขียนกันมากขึ้น แต่เรียนรู้น้อยลง

เราสร้างคอมพิวเตอร์เพิ่ม เพื่อจัดเก็บสารสนเทศเพิ่ม

เพื่อผลิตสำเนาเพิ่มมากมากขึ้น แต่เรากลับมีการสื่อสารกันน้อยลง

นี่เป็นยุคสมัยของอาหารจานด่วน ที่มีการย่อยช้า

ผู้คนสูงขึ้น แต่มีบุคลิกที่หดสั้นลง ผลกำไรที่พุ่งปรี๊ด แต่กลับมีความสัมพันธ์ที่ตื้นเขิน

นี่เป็นยุคสมัยของสันติภาพในโลก แต่กลับมีการปะทะกันเองภายในท้องถิ่น

มีสันทนาการเพิ่มขึ้น แต่ความสนุกสนานลดลง มีอาหารสารพัดชนิด แต่มีคุณค่าทางอาหารลดลง

นี่เป็นยุคสมัยที่มีครอบครัวมีสองแหล่ง รายได้ แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มพูน

ที่อยู่อาศัยซึ่งหรูหรา แต่ครอบครัวที่แตกแยก

ข้อเขียนนี้ คงไม่ได้บอก หนทางไปสู่ความสุข

แต่น่าจะเป็น คำถาม สำหรับคนเมือง ที่วุ่นวายอยู่ได้ทั้งวัน ทุกวัน

ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ?

เรากำลังหลงลืม อะไรที่มีค่าที่สุดในชีวิตหรือไม่

ขอจบลงด้วยวรรคทองของ จอร์จ ซึ่งผมไม่ถอดความ เพราะจะเสียอรรถรสไป

Life is not measured by the number of breaths we take,

but by the moments that take our breath away.

คัดลอกจาก: http://www.gracezone.org/

เขียนโดย จอร์จ คอลลิน

แปลโดย bobby (บี)

GEORGE CARLIN POST 9-11 (His wife recently died…)

จอร์จ คอลลิน เขียน ณ วันที่ 11กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่มและ ภรรยาเขาตาย)

Isn’t it amazing that George Carlin – gross and mouthy comedian of the 70’s and 80’s – could write

แปลกไหมที่ จอร์จ คอลลิน ซึ่งโด่งดังในฐานะดาราตลก จะสามารถเขียน

something so very eloquent …

อะไรบางอย่างที่ซาบซึ้ง

and so very appropriate post 9-11.

และเหมาะสมกับวันนั้น

A wonderful Message by George Carlin

นี่คือข้อความที่วิเศษ โดย จอร์จ คอลลิน

The paradox of our time in history is that we have taller buildings but shorter tempers, wider freeways, but narrower viewpoints. We spend more, but have less, we buy more, but enjoy less. We have bigger houses and smaller families, more conveniences, but less time. We have more degrees but less sense, more knowledge, but less judgment, more experts, yet more

problems, more medicine, but less wellness.

นี่เป็นความขัดแย้งอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเรา เรามีตึกที่สูงเสียดฟ้าแต่อารมณ์ที่ฉุนเฉียวง่าย มีถนนที่กว้างใหญ่ แต่ ความคิดที่สั้นแคบ

เราใช้จ่ายมาก แต่มีสมบัติน้อยลง เราซื้อมากแต่มีความสุขน้อยลง เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่มีครอบครัวที่เล็กลง

มีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่มีเวลาน้อยลง เรามีการศึกษาสูงขึ้นแต่มีความสำนึกที่น้อยลง มีความรู้มากขึ้น แต่มีเหตุผลน้อยลง

มีผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น และก้อมีปํญหาที่ตามมามากขึ้นยิ่งกว่า มียารักษาโรคมากขึ้น แต่ร่างกายเราก้อปราศจากโรคน้อยลง

We drink too much, smoke too much, spend too recklessly, laugh too little, drive too fast, get too angry, stay up too late, get up too tired, read too little, watch TV too much, and pray too seldom. We have multiplied our possessions, but reduced our values. We talk too much, love too seldom, and hate too often.

เราดื่มเหล้ามาก สูบบุหรี่มาก ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง และ หัวเราะน้อยมาก ขับรถเร็วเกินไป โกรธง่าย นอนดึก และ ตื่นเช้าด้วยความอ่อนเพลียทุกวัน

อ่านหนังสือน้อย ดูทีวีมาก และ สวดมนต์ภาวนา น้อยมาก เราได้เป็นเจ้าของสิ่งของมากมาย แต่ก้อต้องสูญเสียคุณค่าของชีวิต

เราพูดมาก รักน้อยลง และเกลียดคนโน้นคนนี้บ่อยบ่อย

We’ve learned how to make a living, but not a life. We’ve added years to life not life to years. We’ve been all the way to the moon and back, but have trouble crossing the street to meet a new neighbor. We conquered outer space but not inner space. We’ve done larger things, but not better things.

เราเรียนรู้ที่จะดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่แต่ไม่ได้เรียนรู้ชีวิตเลย เราเพิ่มเวลาเข้าไปในชีวิต แทนที่จะเพิ่มชีวิตเข้าไปในเวลาที่เหลืออยู่

เราสามารถไปถึงดวงจันทร์และกลับมาโดยไม่มีอุปสรรค

แต่มีอุปสรรคมากมายที่ขวางเราไว้จากการเดินข้ามถนนไปคุยกับเพื่อนบ้านที่ย้ายเข้ามาใหม่ฝั่งตรงข้าม

เราพิชิตอวกาศ แต่ไม่สามารถพิชิตสิ่งที่อยู่ในใจเรา

เราสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่ไม่ใช่ สิ่งที่ดีกว่า

We’ve cleaned up the air, but polluted the soul. We’ve conquered the atom, but not our prejudice. We write more, but learn less. We plan more, but accomplish less. We’ve learned to rush, but not to wait. We build more computers to hold more information, to produce more copies than ever, but we communicate less and less.

เราได้พยายามทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมรอบรอบตัวเราในขณะที่เราทำให้จิตใจเราสกปรกขึ้น

เราสามารถค้นพบสิ่งมองไม่เห็นเช่น อะตอม แต่ไม่สามารถค้นพบความอคติและความลำเอียงในใจเรา

เราเขียนมากขึ้นแต่เรียนรู้น้อยลง

เราวางแผนมากขึ้น แต่ประสบความสำเร็จน้อยลง เราถูกสอนให้เร่งรีบขึ้น แทนที่จะถูกสอนให้รอคอย

เราสร้างคอมพิวเตอร์ขี้นมากมายพื่อบันทึกข้อมูล และเก็บสำเนาข้อมูลไว้เพื่ออ่าน

แต่เราพูดคุยติดต่อสื่อสารระหว่างกันน้อยลง เรื่อยเรื่อย

These are the times of fast foods and slow digestion, big men and small character, steep profits and shallow relationships. These are the days of two incomes but more divorce, fancier houses, but broken homes. These are days of quick trips, disposable diapers, throwaway morality, one night stands, overweight bodies, and pill> s that do everything from cheer, to quiet, to kill. It is a time when there is much in the showroom window and nothing in the stockroom. A time when technology can bring this letter to you, and a time when you can choose either to share this insight, or to just hit delete.

นี่เป็นเวลาของการกินอาหารจานด่วน และ ระบบย่อยอาหารที่ต้องทำงานช้าลงเพราะอาหารจานด่วนนั้น

นี่เป็นเวลาของผู้ยิ่งใหญ่และคนที่ไม่มีความหมายอะไรเลยบนโลก

นี่เป็นเวลาของการทำการค้าแบบเน้นทำกำไรสูงแต่ ความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีต่อกันนั้นตื้นเขิน

นี่เป็นเวลาของการทำงานหลายอาชีพเพื่อเงินมากขึ้น และก้อการหย่าร้างที่มากขึ้นตามไปด้วย

นี่เป็นเวลาของ การมีบ้านที่สวยงาม แต่มีครอบครัวที่แตกสลาย

นี่เป็นเวลาของการเดินทางแบบรวดเร็ว กระดาษชำระแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่มีศีลธรรม ความสัมพันธ์แบบชั่วค่ำคืน

คนที่มีน้ำหนักเกิน ยาที่สามารถให้คุณทุกอย่าง ตั้งแต่ เสียงหัวเราะ ความเงียบ หรือ แม้แต่ความตาย

นี่เป็นเวลาที่คนจะโชว์สมบัติมากมายเพื่อแสดงออกทั้งทั้งที่ไม่มีสมบัติอะไรหลงเหลือเก็บไว้เลย

เวลาที่เทคโนโลยี่สามารถทำให้คุณได้เห็นจดหมายฉบับนี้

และ เวลาที่คุณสามารถที่จะอ่านและแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้กับเพื่อนคนอื่น หรือ ลบทิ้งไป

Remember, spend some time with your loved ones, because they are not going to be around forever. Remember, say a kind word to someone who looks up to you in awe, because that little person soon will grow up and leave your side. Remember, to give a warm hug to the one next to you, because that is the only treasure you can give with your heart and it doesn’t cost a cent.

จงจำไว้ว่า คุณควรใช้เวลาอยู่กับคนที่คุณรักให้มากมาก เพราะเวลาเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ชั่วนิรันดร์

จงจำไว้ว่า คุณควรพูดจาอ่อนโยนให้กับลูกลูกที่หวาดกลัวคุณ ก่อนที่วันหนึ่งเขาเหล่านั้นจะโตขึ้นและจากคุณไป

จงจำไว้ว่า คุณควรกอดคนที่คุณรักด้วยความอบอุ่นบ่อยบ่อยเพราะนี่คือสิ่งที่คุณทุกคนสามารถให้กับคนที่คุณรักได้ด้วยใจ

และไม่ได้ทำให้คุณเสียเงินแม้บาทเดียว

Remember, to say, “I love you” to your partner and your loved ones, but most of all mean it. A kiss and an embrace will mend hurt when it comes from deep inside of you. Remember to hold hands and cherish the moment for someday that person will not be there again. Give time to love, give time to speak, and give time to share the precious thoughts in your mind.

อย่าลืมที่จะพูด “ผมรักคุณ” ให้ แฟนของคุณหรือคนที่คุณรัก

และสิ่งมากไปกว่านั้นคือ แสดงให้เขาเห็นตามคำที่คุณพูด

การกอดจูบและแสดงความรักจะช่วยประสานความรู้สึกที่เจ็บปวดในใจของคนที่คุณรัก

เมื่อการกระทำนั้นมาจากก้นบึงของหัวใจคุณ

อย่าลืมที่จะกุมมือและถนุถนอมความรู้สึกที่ดีดีและแสดงให้เขาเห็นว่าคุณมีความสุขกับเขาในเวลาที่คุณมีความสุข

เพราะคนคนนั้นและเวลาเหล่านั้นจะไม่ย้อนกลับมาอีก

ให้เวลากับความรัก ให้เวลาที่จะพูดที่จะแสดง และให้เวลาที่จะแบ่งปันความรู้สึกดีดีในใจของคุณ กับ คนที่คุณรัก

Life is not measured by the

number of breaths we take,

but by the moments that take our breath away.

ชีวิตไม่ได้ถูกวัด ด้วยจำนวนครั้งของลมที่เราหายใจ

แต่ถูกวัดด้วย จำนวนครั้งที่เราลืมหายใจเพราะความดีใจต่างหาก

-George Carlin

จอรจ์ คอลลิน เขียน

The King of Words

คัดลอกจาก:http://kiddclub.ning.com/profiles/blogs/2072268:BlogPost:2623

George Carlin คือใคร?

จอร์จ คาลิน เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2551 ขณะอายุ 71 ปี

เขาคือคอมเมเดี่ยนที่ข้ามเส้นแบ่งไปสู่ความเป็นนักคิด นักวิพากษ์สังคม นักปรัชญา

เขาเคยบอกว่าอาชีพของเขาคือ “นั่งเฝ้าดูพฤติกรรมของคน”

ช่วงปี 70 วงการสื่ออเมริกาต้องปรับขบวนการเซ็นเซอร์กันยกใหญ่

เพราะ คาลิน ในขณะนั้นถือว่าเป็น “Hippy Comedian” ที่กวน…ที่สุดคนนึง

ไดอาล็อคอมตะ “Seven Words You Can Never Say on Television”

ทำให้เขาถูกควบคุมตัวไปสอบสวน และวงการวิทยุโทรทัศน์อเมริกาก็ต้อง

ปวดหัวหนักเข้าไปอีก เมื่อเขาสามารถอธิบายว่า “คำ” เหล่านี้ว่า

ด้วยตัวมันเองแล้วมันไม่ได้หยาบคายแต่อย่างใด

SHIT

PISS

FUCK

CUNT

COCK SUCKER

MOTHER FUCKER

TITS

คำ 7 คำนี้ กลายเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมของโลกเสรีของอเมริกามาจนถึงทุกวันนี้

จอร์จ คาลินได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ใช้ภาษาได้อย่างล้ำลึก ถึงรากแก่นของภาษา

เขาจะอธิบายถึงมิติความหมายของภาษาที่ส่งผลต่อวิธีที่มนุษย์สื่อสารกัน

การใช้คำสวยหรูเกินไปก่อให้เกิดสงครามได้! ยกตัวอย่างเปรียบเทียบเป็นภาษาไทยก็

จะมีลักษณะคล้ายกับการเลือกใช้คำว่า “ผลประโยชน์ทับซ้อน” แทนคำว่า “ยังตกลงกันไม่ได้”

อะไรประมาณนี้ เพราะการใช้ศัพท์ที่มันพรางความจริง ยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นไปอีก

หรือแม้แต่เรื่องความตายเขาก็เอามาล้ออยู่เสมอบนเวทีสแตนอัพคอมเมอดี้

ของเขา “เมื่อคุณแก่ในประเทศนี้ คงไม่ต้องกลัว Die หรอก เพราะคุณแค่ Pass Away!!

ตั้งใจจะมาเขียนเล่าเรื่องของจอร์จ คาลินให้ฟังกันให้เยอะที่สุด

เอาว่าจะมาเติมให้เรื่อยๆ นะ ตอนนี้ข่าวการจากไปของราชาแห่งถ้อยคำ

ทำให้เห็นว่า แรงบันดาลใจที่เขาทำไว้กว่า 50 ปี ถูกนักคิด นักเขียน นักแสดง

โดยเฉพาะในอเมริกาออกมาคารวะความคิดและถ้อยคำที่เขาได้สร้างไว้มากมาย

เคยไหม รู้สึกเสียใจกับคนที่ไม่ได้รู้จักเลย แต่เขาเป็นคนที่ได้ทำลายเขตแดนบางอย่างออกไป

เปิดทางใหม่เป็นแรงบันดาลใจที่ไม่มีวันหมด ถ้าใครอิน…มาร่วมเสียใจกับการจากไปของลุงแกกัน

เพราะผมยกให้แกเป็นคุณลุงคิดดีที่มีส่วนช่วยให้สโมสรเรามีกิจกรรมสนุกๆ กัน สาเหตุก็เพราะ

ครั้งนึงเคยฟังสัมภาษณ์ของแก แกตอบคำถามที่ว่าจะแนะนำคอมเมอเดี่ยนรุ่นใหม่ยังไง

แกตอบว่ามีเพียงคำแนะนำเดียวจะให้คือ

“ไปอยู่ต่อหน้าคนดูให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ขัดเกลาความคิดด้วยการฝึกฝน

ผ่านให้หลายเวทีมากที่สุด ขึ้นเวทีทุกครั้งที่มีโอกาส…ส่วนมุขตลกมันเป็นสไตล์ใครสไตล์มัน”

วีดีโอนี้มีคนเอา SHITPISSFUCKCUNTCOCKSUCKERMOTHERFUCKERTITS มารีมิกซ์กับดนตรีเพื่อแสดงความคาราวะต่อลุงคาลิน

หาอ่านเรื่องแกเป็นภาษาอังกฤษกันไปเพลินๆ หรือไปเสริชในยูจุ้บนะ แล้วจะรู้ว่าแก เจ๋งแค่ไหน

Modern Man : ไดอาล็อคอันลือลั่น…ที่เล่นเอาฮิปฮอปสงสัยในรากเหง้า กวีสับสนในความงามของภาษา…

I’m a modern man,

A man for the millennium,

Digital and smoke free.

A diversified multicultural postmodern deconstructionist,

Politically anatomically and ecologically incorrect.

I’ve been uplinked and downloaded.

I’ve been inputted and outsourced.

I know the upside of downsizing.

I know the downside of upgrading.

I’m a high tech lowlife.

A cutting edge state-of-the-art bicoastal multitasker,

And I can give you a gigabyte in a nanosecond.

I’m new wave but I’m old school,

And my inner child is outward bound.

I’m a hot wired heat seeking warm hearted cool customer,

Voice activated and biodegradable.

I interface from a database,

And my database is in cyberspace,

So I’m interactive,

I’m hyperactive,

And from time-to-time,

I’m radioactive.

Behind the eight ball,

Ahead of the curve,

Riding the wave,

Dodging a bullet,

Pushing the envelope.

I’m on point,

On task,

On message,

And off drugs.

I got no need for coke and speed,

I got no urge to binge and purge.

I’m in the moment,

On the edge,

Over the top,

But under the radar.

A high concept,

Low profile,

Medium range ballistic missionary.

A street-wise smart bomb.

A top gun bottom feeder.

I wear power ties,

I tell power lies,

I take power naps,

I run victory laps.

I’m a totally ongoing bigfoot slam dunk rainmaker with a proactive outreach.

A raging workaholic.

A working ragaholic.

Out of rehab,

And in denial.

I got a personal trainer,

A personal shopper,

A personal assistant,

And a personal agenda.

You can’t shut me up,

You can’t dumb me down.

‘Cause I’m tireless,

And I’m wireless.

I’m an alpha male on beta blockers.

I’m a non-believer and an over-achiever.

Laid back but fashion forward.

Up front,

Down home,

Low rent,

High maintenance.

Super size,

Long lasting,

High definition,

Fast acting,

Oven ready,

And built to last.

I’m a hands on,

Foot loose,

Knee jerk,

Head case.

Prematurely post traumatic,

And I have a love child who sends me hate mail.

But I’m feeling,

I’m caring,

I’m healing,

I’m sharing.

A supportive bonding nurturing primary care giver.

My output is down,

But my income is up.

I take a short position on the long bond,

And my revenue stream has its own cash flow.

I read junk mail,

I eat junk food,

I buy junk bonds,

I watch trash sports.

I’m gender specific,

Capital intensive,

User friendly,

And lactose intolerant.

I like rough sex.

I like rough sex.

I like tough love.

I use the f word in my email,

And the software on my hard drive is hard core, no soft porn.

I bought a microwave at a mini mall.

I bought a mini van in a mega store.

I eat fast food in the slow lane.

I’m toll free,

Bite sized,

Ready to wear,

And I come in all sizes.

A fully equipped,

Factory authorized,

Hospital tested,

Clinically proven,

Scientifically formulated medical miracle.

I’ve been pre-washed,

Pre-cooked,

Pre-heated,

Pre-screened,

Pre-approved,

Pre-packaged,

Post-dated,

Freeze-dried,

Double-wrapped,

Vacuum-packed,

And I have an unlimited broadband capacity.

I’m a rude dude,

But I’m the real deal.

Lean and mean.

Cocked, locked and ready to rock.

Rough tough and hard to bluff.

I take it slow.

I go with the flow.

I ride with the tide.

I got glide in my stride.

Drivin’ and movin’,

Sailin’ and spinnin’,

Jivin’ and groovin’,

Wailin’ and winnin’.

I don’t snooze,

So I don’t lose.

I keep the pedal to the metal,

And the rubber on the road.

I party hearty,

And lunch time is crunch time.

I’m hanging in,

There ain’t no doubt.

And I’m hanging tough,

Over and out.

ลุงคารินมีกำหนดจะขึ้นรับรางวัล Mark Twain Prize

(a lifetime achievement award presented to an outstanding comedian.)

อีกเพียงไม่กี่วัน…แต่แกก็ Pass Away ไปซะก่อน

ผลงาน

22 อัลบั้ม 14 HBO Special (รายการทอล์คโชว์ของเขาที่เฮสบีโอกว่า 30 ปี)

หนังสือ 3 เล่ม

On Location: George Carlin At USC ’77

George Carlin Again! ’78

Carlin At Carnegie ’82

Carlin On Campus ’84

Playin’ With Your Head ’86

What Am I Doing In New Jersey? ’88

Doin’ It Again ’90

Jammin’ In New York ’92

Back In Town ’96

You Are All Diseased ’99

Complaints and Grievances ’01

Life Is Worth Losing ’05

It’s Bad For Ya’08

“There’s no present. There’s only the immediate future and the recent past. ”

George Carlin

Thank you for Inspiration!

คัดลอกจาก:http://kiddclub.ning.com/profiles/blogs/2072268:BlogPost:2623

เรื่องนี้ถูกเขียนใน บทความทั่วไป, บุคคล, วาทะ, ศิลปิน, joke และติดป้ายกำกับ คั่นหน้า ลิงก์ถาวร

ใส่ความเห็น